วันพฤหัสบดี, 4 ธันวาคม 2568

ปริมาณการจำหน่ายรถยนต์ เดือนตุลาคม 2568

01 ธ.ค. 2025
96

ปริมาณการจำหน่ายรถยนต์ เดือนตุลาคม 2568

1.ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 47,032 คัน เพิ่มขึ้น 24.8%         

อันดับที่ 1 โตโยต้า      18,348 คัน       เพิ่มขึ้น     21.0%   ส่วนแบ่งตลาด   39.0%

อันดับที่ 2 ฮอนด้า       5,677 คัน       เพิ่มขึ้น   37.2%      ส่วนแบ่งตลาด   12.1%

อันดับที่ 3 อีซูซุ           5,278 คัน        ลดลง    13.4%     ส่วนแบ่งตลาด    11.2%

2.ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 19,291 คัน เพิ่มขึ้น 24%     

อันดับที่ 1 โตโยต้า      7,133 คัน       เพิ่มขึ้น   36.9%     ส่วนแบ่งตลาด   37.0%

อันดับที่ 2 ฮอนด้า       3,552 คัน        เพิ่มขึ้น    5.7%    ส่วนแบ่งตลาด  18.4%

อันดับที่ 3 เอ็มจี         1,624 คัน       เพิ่มขึ้น    115.4%  ส่วนแบ่งตลาด   8.4%

 

3.ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 27,741 คัน เพิ่มขึ้น 27.8%   

อันดับที่ 1 โตโยต้า      11,215 คัน       เพิ่มขึ้น    12.7% ส่วนแบ่งตลาด   40.4%

อันดับที่ 2  อีซูซุ          5,278 คัน       ลดลง   13.4%     ส่วนแบ่งตลาด   19.0%

อันดับที่ 3  ฮอนด้า      2,125 คัน       เพิ่มขึ้น  173.1%  ส่วนแบ่งตลาด   7.7%

4.ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน  (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV*)

ปริมาณการขาย 13,572 คัน เพิ่มขึ้น 1.7%  

อันดับที่ 1 โตโยต้า        6,246 คัน      เพิ่มขึ้น     7.9%  ส่วนแบ่งตลาด   46%

อันดับที่ 2  อีซูซุ          4,371 คัน       ลดลง      16%    ส่วนแบ่งตลาด   32.2%

อันดับที่ 3  ฟอร์ด       1,430 คัน       เพิ่มขึ้น     8.7%  ส่วนแบ่งตลาด   10.5%

*ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง (ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน) 3,450 คัน

โตโยต้า 1,385 คัน -– เกรท วอลล์ มอเตอร์ 766 คัน -– อีซูซุ 663 คัน -– ฟอร์ด 556 คัน – มิตซูบิชิ 80 คัน – นิสสัน 0 คัน

 

5.ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 10,122 คัน ลดลง 7.1%        

อันดับที่ 1 โตโยต้า       4,861 คัน       ลดลง   3.5%    ส่วนแบ่งตลาด   48.0%

อันดับที่ 2  อีซูซุ            3,708 คัน      ลดลง   11.7%  ส่วนแบ่งตลาด   36.6%

อันดับที่ 3  ฟอรด์         874 คัน        เพิ่มขึ้น  8.3%    ส่วนแบ่งตลาด   8.6%   

สถิติการจำหน่ายรถยนต์ เดือนมกราคม – ตุลาคม 2568

1.ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 495,001 คัน เพิ่มขึ้น 3.9%   

อันดับที่ 1 โตโยต้า      186,148 คัน     เพิ่มขึ้น    2.1%  ส่วนแบ่งตลาด   37.6%

อันดับที่ 2  อีซูซุ          58,781 คัน      ลดลง   17.6%    ส่วนแบ่งตลาด   11.9%

อันดับที่ 3  ฮอนด้า      56,686 คัน       ลดลง     9.2%   ส่วนแบ่งตลาด   11.5%

 

2.ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 193,395 คัน เพิ่มขึ้น 4.3%             

อันดับที่ 1 โตโยต้า      65,912 คัน       เพิ่มขึ้น  22.0%   ส่วนแบ่งตลาด   34.1%

อันดับที่ 2  ฮอนด้า      32,210 คัน       ลดลง    13.7%   ส่วนแบ่งตลาด   16.7%

อันดับที่ 3  บีวายดี**    15,864 คัน       ลดลง    2.3%    ส่วนแบ่งตลาด   8.2%
**อ้างอิงจากยอดจดทะเบียนรถยนต์ใหม่ระหว่างวันที่ 01–31 ตุลาคม 2568 จากเว็บไซต์กรมการขนส่งทางบก

 

3.ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 301,606 คัน เพิ่มขึ้น 4.2%                

อันดับที่ 1 โตโยต้า      120,236 คัน     ลดลง      6.3%   ส่วนแบ่งตลาด   39.9%

อันดับที่ 2  อีซูซุ          58,781 คัน       ลดลง   17.6%   ส่วนแบ่งตลาด   19.5%

อันดับที่ 3  ฮอนด้า      24,476 คัน       ลดลง    2.5%   ส่วนแบ่งตลาด    8.1%

 

4.ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน  (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV*)

ปริมาณการขาย 152,082 คัน ลดลง 8.9%

อันดับที่ 1 โตโยต้า      68,670 คัน       ลดลง   10.1% ส่วนแบ่งตลาด   45.2%

อันดับที่ 2  อีซูซุ          50,506 คัน       ลดลง   18.6% ส่วนแบ่งตลาด   33.2%

อันดับที่ 3  ฟอร์ด       15,235 คัน       ลดลง   12.5%  ส่วนแบ่งตลาด   10%

*ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง (ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน) 34,810 คัน

โตโยต้า 11,861 คัน – อีซูซุ 9,205 คัน – เกรท วอลล์ มอเตอร์ 6,228 คัน – ฟอร์ด 5,892 คัน – มิตซูบิชิ 1,329 คัน  – นิสสัน 295 คัน

5.ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 117,272 คัน ลดลง 14.7%

อันดับที่ 1 โตโยต้า      56,809 คัน       ลดลง   14.1%   ส่วนแบ่งตลาด   48.4%

อันดับที่ 2  อีซูซุ          41,301 คัน       ลดลง   20.3%  ส่วนแบ่งตลาด   35.2%

อันดับที่ 3  ฟอร์ด       9,343 คัน       ลดลง   13.3%    ส่วนแบ่งตลาด   8.0%

  • ตลาดรถยนต์เดือนพฤศจิกายน มีแนวโน้มทรงตัว เนื่องจากผู้บริโภครอแคมเปญใหญ่ปลายปีในงาน มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 42 ที่จะเริ่มขึ้นในปลายเดือนพฤศจิกายน ทำให้การตัดสินใจซื้อชะลอตัว ขณะเดียวกัน อัตราการปฏิเสธสินเชื่อยังอยู่ในระดับสูง ยังคงกดดันความเชื่อมั่นและกำลังซื้อ อย่างไรก็ตามตลาดรถยนต์ยังมีปัจจัยบวก ซึ่งอาจเป็นปัจจัยบวกสำหรับตลาดรถยนต์ในช่วงปลายปีจากมาตรการ “กระบะพี่ มีคลังค้ำ” ผ่านกลไกการค้ำประกันสินเชื่อของ บสย. ที่มีการขยายการค้ำประกันสินเชื่อไปยังผู้ให้บริการสินเชื่อประเภท Non-Bank รวมทั้ง ลีสซิ่งของค่ายรถยนต์ (Captive Finance) ช่วยให้ SMEs รายย่อยสามารถเข้าถึงบริการสินเชื้อได้ครอบคลุมยิ่งขึ้น
01
error: Content is protected !!